2025-09-19T17:39:00

Leveraged &
Inverse ETFs

ทางเลือกใหม่ของการลงทุน
ในตลาดไทยและต่างประเทศ

กองทุนรวม ETF คืออะไร?

ETF (Exchange Traded Fund) หรือ กองทุนรวมที่ซื้อขายได้ในตลาดหลักทรัพย์ เป็นกองทุนที่ออกแบบมาเพื่อให้ผู้ลงทุนสามารถซื้อขายได้เหมือนหุ้น จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ทั้งไทยและต่างประเทศ โดย ETF จะมีนโยบายลงทุนเพื่อติดตามดัชนี หุ้น หรือสินทรัพย์ต่าง ๆ ทำให้นักลงทุนเข้าถึงการลงทุนที่หลากหลายได้อย่างสะดวกและมีสภาพคล่องสูง

ETF แบบ Leveraged
and Inverse คืออะไร?

  • Leveraged ETF หรือเรียกง่ายๆ ว่าเป็น ETF ที่มีอัตราทด เพื่อเพิ่มผลตอบแทนให้มากกว่าการเคลื่อนไหวของดัชนีอ้างอิง เป็น 2 เท่า โดยอาศัยการใช้ตราสารอนุพันธ์เพื่อเพิ่มผลตอบแทน ตัวอย่างเช่น “ProShares Ultra S&P500 (SSO)” เป็น ETF ที่จดทะเบียนในตลาดสหรัฐฯ มุ่งหวังในการสร้างผลตอนแทนประมาณ 2 เท่าของดัชนี S&P 500

เหมาะกับช่วงตลาดขาขึ้น

  • Inverse ETF หรือ ETF ที่ Short สวนทาง ถูกออกแบบมาเพื่อสร้างผลตอบแทนในทิศทางตรงกันข้ามกับดัชนีอ้างอิง นั่นหมายถึงหากดัชนีปรับตัวลง ETF จะสร้างผลตอบแทนเป็นบวก ในสัดส่วนใกล้เคียงกัน ตัวอย่าง ETF ที่จดทะเบียนในตลาดสหรัฐฯ เช่น “ProShares Short S&P500 (SH)” ที่ให้ผลตอบแทนตรงกันข้ามกับดัชนี S&P500 และ “ProShares UltraShort QQQ (QID)” ซึ่งเป็น ETF ที่สร้างผลตอบแทนตรงข้ามกับดัชนี Nasdaq 100 เป็น 2 เท่า

เหมาะกับช่วงตลาดขาลง

ประเภทของ L&I ETFs
ที่ลงทุนได้

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ปรับปรุงหลักเกณฑ์เกี่ยวกับ L&I ETFs ทั้งในและต่างประเทศ โดยกำหนดให้ นักลงทุนทั่วไปซื้อขายได้เฉพาะ L&I ETFs ในตลาดไทยและตลาดต่างประเทศที่มีอัตราทวีคูณได้ไม่เกิน 2 เท่า และอัตราทวีคูณต้องเป็นจำนวนเต็ม ไม่เป็นทศนิยม (เช่น 1.5 เท่า)

วิธีการทำงานของ L&I ETFs

L&I ETFs อาศัยเครื่องมือทางการเงินเพื่อสร้างผลตอบแทนที่แตกต่างจากดัชนีอ้างอิง โดยออกแบบตามนโยบายที่ระบุไว้ อาทิ
  1. ใช้สัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Futures)
    Leveraged ETF ผู้ออก ETF ซื้อสัญญา Futures เพื่อขยายผลตอบแทน หากคาดว่าดัชนีจะปรับขึ้น และสำหรับ Inverse ETF ผู้ออกขายสัญญา Futures เพื่อสร้างผลตอบแทนตรงข้ามกับดัชนีอ้างอิง
  2. ใช้สัญญาสวอป (Swaps)
    เพื่อแลกเปลี่ยนผลตอบแทนของดัชนีอ้างอิงกับผลตอบแทนที่ต้องการมักทำสัญญากับสถาบันการเงิน เช่น ธนาคาร เพื่อให้ได้ผลตอบแทนตามที่ออกแบบไว้

จุดเด่นของ L&I ETFs

  • ผู้ลงทุนสามารถเลือกใช้ L&I ETFs เก็งกำไรตลาดขาขึ้นและขาลง
  • มีหลากหลายสินทรัพย์อ้างอิง ให้ผู้ลงทุนเลือกใช้ในการเก็งกำไร
  • ผู้ลงทุนสามารถสร้างผลตอบแทนแบบทวีคูณได้โดยไม่ต้องวางหลักประกันเพิ่มเติม
  • ผู้ลงทุนสามารถใช้ Inverse ETF บริหารความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนได้ เช่น ใช้บริหารพอร์ตในช่วงตลาดขาลง
  • ความยืดหยุ่นในการซื้อขาย L&I ETFs สามารถซื้อขายได้เหมือนหุ้นสามัญทั่วไป

ความเสี่ยงที่สำคัญของ
L&I ETFs

  • Market Risk :  L&I ETFs มีความผันผวนสูงกว่าดัชนีอ้างอิง
  • Compounding Effect Risk : ความเสี่ยงจากผลของการทบต้นในระยะยาวที่อาจทำให้ผลตอบแทนแตกต่างจากที่คาดไว้
  • Long - Term Holding Risk : ความเสี่ยงที่ไม่เหมาะสมในการถือครองกองทุน L&I ในระยะยาว เนื่องจาก L&I ETFs มีการคำนวณมูลค่าของผลิตภัณฑ์เป็นรายวัน (Daily reset) และมีการคำนวณผลตอบแทนแบบทบต้น (Compounding Effect) ซึ่งอาจทำให้การถือครองเกินกว่า 1 วันอาจทำให้ผลตอบแทนเบี่ยงเบนจากดัชนีอ้างอิง และอาจเกิดการขาดทุน โดยเฉพาะในภาวะตลาดที่มีความผันผวน
  • Leveraged & Inverse Risk : ผู้ลงทุนอาจขาดทุนได้มากกว่าการลงทุนใน ETFs
  • Tracking Error Risk : ความเสี่ยงจากการคลาดเคลื่อนของผลตอบแทนจากดัชนีอ้างอิงที่ใช้เปรียบเทียบ
  • Liquidity Risk : ความเสี่ยงจากการที่ไม่สามารถซื้อขายหน่วยลงทุนได้ในราคาที่ต้องการ
  • Foreign Exchange Rate Risk : ความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยน
  • Counterparty Risk : ความเสี่ยงที่เกิดจากคู่สัญญาไม่สามารถทำตามข้อตกลงได้
  • ต้นทุนและค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม : L&I ETFs มีการทำธุรกรรมผ่าน Derivatives และต้อง Daily Balance ซึ่งอาจส่งผล ให้ค่าธรรมเนียมสูงกว่า ETF ทั่วไป

L&I ETFs เหมาะกับใคร

  • นักลงทุนที่มีความรู้และเข้าใจเกี่ยวกับลักษณะสำคัญและความเสี่ยงของผลิตภัณฑ์เป็นอย่างดี
  • ติดตามและทบทวนสถานะการลงทุนของตนเองเป็นประจำทุกวัน
  • มองโอกาสทำกำไรจากแนวโน้มตลาดในระยะสั้นมาก