2025-10-10T10:18:33

Leveraged &
Inverse ETFs

ทางเลือกใหม่ของการลงทุน
ในตลาดไทยและต่างประเทศ

กองทุนรวม ETF คืออะไร?

ETF (Exchange Traded Fund) เป็นกองทุนรวมดัชนีที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์มีนโยบายสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับการเคลื่อนไหวของดัชนีหรือราคาของสินทรัพย์ที่กองทุนใช้อ้างอิง ETF จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ทั้งไทยและต่างประเทศ ผู้ลงทุนสามารถซื้อขาย ETF ได้เหมือนหุ้นตัวหนึ่ง
ผู้ลงทุนสามารถใช้ ETF เป็นเครื่องมือกระจายความเสี่ยง ทำให้ลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลายโดยใช้เงินน้อยและไม่ต้องวิเคราะห์หุ้นรายตัว มีโอกาสรับผลตอบแทนตามดัชนีอ้างอิงเป็นจำนวนเท่า (กรณี Leveraged ETF) หรือตรงกันข้าม (กรณี Inverse ETF) และมีโอกาสรับเงินปันผลด้วย นอกจากนี้ ETF ยังเป็นกองทุนรวมที่ซื้อขายเปลี่ยนมือได้สะดวกเพราะมีผู้ดูแลสภาพคล่องทำหน้าที่ส่งคำสั่งเสนอซื้อเสนอขาย ผู้ลงทุนสามารถทำรายการซื้อขาย ETF ในตลาดหลักทรัพย์ได้เมื่อต้องการโดยเปรียบเทียบราคากับมูลค่าทรัพย์สินสุทธิโดยประมาณ (iNAV = Indicative Net Asset Value) ที่แสดงควบคู่กันระหว่างเวลาซื้อขาย (ที่มา: www.set.or.th)

ETF แบบ Leveraged
and Inverse คืออะไร?

  • Leveraged ETF คือ กองทุนที่ตั้งเป้าให้ผลตอบแทนรายวันเป็นทวีคูณ เมื่อเทียบกับการเคลื่อนไหวของดัชนีอ้างอิง เช่น กองทุน 2X มุ่งหวังให้ผลตอบแทน 2 เท่าของการเปลี่ยนแปลงดัชนีอ้างอิง

ตัวอย่างเช่น  ProShares Ultra S&P500 (SSO US) เป็น ETF ที่จดทะเบียนในตลาดสหรัฐฯ มุ่งหวังในการสร้างผลตอนแทนประมาณ 2 เท่าของดัชนี S&P 500 (ตามรูปล่างซ้าย)

เหมาะกับช่วงตลาดขาขึ้น

  • Inverse ETF Inverse ETF คือ กองทุนที่ตั้งเป้าให้ผลตอบแทนรายวันในทิศทางตรงข้ามกับดัชนีอ้างอิง เช่น กองทุน -1X  มุ่งหวังให้ หากดัชนีลดลง 1% กองทุนจะเพิ่มขึ้นประมาณ 1%  หรือ กองทุน -2X  มุ่งหวังให้ หากดัชนีลดลง 1% กองทุนจะเพิ่มขึ้นประมาณ 2%

ตัวอย่างเช่น  ProShares Short S&P500 (SH US) ที่ให้ผลตอบแทนตรงกันข้ามกับดัชนี S&P500 หากดัชนี S&P500 ลดลง 1% ราคาของ ProShares Short S&P500 จะเพิ่มขึ้น +1%  (ตามรูปล่างซ้าย)

เหมาะกับช่วงตลาดขาลง

  • Leveraged Inverse ETF กองทุนที่ให้ผลตอบแทนทวีคูณและตรงกันข้ามกับดัชนีอ้างอิง หากดัชนีลดลง Leveraged Inverse ETF จะให้ผลตอบแทนเป็นบวกแบบทวีคูณ (เช่น มีอัตราทด 2 เท่า)

ตัวอย่างเช่น ProShares UltraShort S&P500 (SDS US) → inverse 2x ที่ให้ผลตอบแทนตรงกันข้ามกับดัชนี S&P500 หากดัชนี S&P500 ลดลง 1% ราคาของ ProShares UltraShort S&P500 จะเพิ่มขึ้น +2% (ตามรูปล่างซ้าย)

ประเภทของ L&I ETFs
ที่ลงทุนได้

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ปรับปรุงหลักเกณฑ์เกี่ยวกับ L&I ETFs ทั้งในไทยและต่างประเทศ โดยกำหนดให้นักลงทุนทั่วไปสามารถซื้อขาย L&I ETFs ที่จดทะเบียนในไทยและต่างประเทศที่มีอัตราทวีคูณได้ไม่เกิน +-2 เท่า และต้องเป็นจำนวนเต็ม ไม่เป็นทศนิยม (เช่น 1.5 เท่า)

จุดเด่นของ L&I ETFs

  • ผู้ลงทุนสามารถเลือกใช้ L&I ETFs เก็งกำไรตลาดขาขึ้นและขาลง
  • มีหลากหลายสินทรัพย์อ้างอิง ให้ผู้ลงทุนเลือกใช้ในการเก็งกำไร
  • ผู้ลงทุนสามารถสร้างผลตอบแทนแบบทวีคูณได้โดยไม่ต้องวางหลักประกันเพิ่มเติม
  • ผู้ลงทุนสามารถใช้ Inverse ETF บริหารความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนได้ เช่น ใช้บริหารพอร์ตในช่วงตลาดขาลง
  • ความยืดหยุ่นในการซื้อขาย L&I ETFs สามารถซื้อขายได้เหมือนหุ้นสามัญทั่วไป

วิธีการทำงานของ L&I ETFs

L&I ETFs อาศัยเครื่องมือทางการเงินเพื่อสร้างผลตอบแทนที่แตกต่างจากดัชนีอ้างอิง โดยออกแบบตามนโยบายที่ระบุไว้ อาทิ
  1. ใช้สัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Futures)
    Leveraged ETF ผู้ออก ETF ซื้อสัญญา Futures เพื่อขยายผลตอบแทน หากคาดว่าดัชนีจะปรับขึ้น และสำหรับ Inverse ETF ผู้ออกขายสัญญา Futures เพื่อสร้างผลตอบแทนตรงข้ามกับดัชนีอ้างอิง
  2. ใช้สัญญาสวอป (Swaps)
    เพื่อแลกเปลี่ยนผลตอบแทนของดัชนีอ้างอิงกับผลตอบแทนที่ต้องการมักทำสัญญากับสถาบันการเงิน เช่น ธนาคาร เพื่อให้ได้ผลตอบแทนตามที่ออกแบบไว้

ความเสี่ยงที่สำคัญของ
L&I ETFs

  • Market Risk :  L&I ETFs มีความผันผวนสูงกว่าดัชนีอ้างอิง
  • Compounding Effect Risk : ความเสี่ยงจากผลของการทบต้นในระยะยาวที่อาจทำให้ผลตอบแทนแตกต่างจากที่คาดไว้
  • Long - Term Holding Risk : ความเสี่ยงที่ไม่เหมาะสมในการถือครองกองทุน L&I ในระยะยาว เนื่องจาก L&I ETFs มีการคำนวณมูลค่าของผลิตภัณฑ์เป็นรายวัน (Daily reset) และมีการคำนวณผลตอบแทนแบบทบต้น (Compounding Effect) ซึ่งอาจทำให้การถือครองเกินกว่า 1 วันอาจทำให้ผลตอบแทนเบี่ยงเบนจากดัชนีอ้างอิง และอาจเกิดการขาดทุน โดยเฉพาะในภาวะตลาดที่มีความผันผวน
  • Leveraged & Inverse Risk : ผู้ลงทุนอาจขาดทุนได้มากกว่าการลงทุนใน ETFs
  • Tracking Error Risk : ความเสี่ยงจากการคลาดเคลื่อนของผลตอบแทนจากดัชนีอ้างอิงที่ใช้เปรียบเทียบ
  • Liquidity Risk : ความเสี่ยงจากการที่ไม่สามารถซื้อขายหน่วยลงทุนได้ในราคาที่ต้องการ
  • Foreign Exchange Rate Risk : ความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยน
  • Counterparty Risk : ความเสี่ยงที่เกิดจากคู่สัญญาไม่สามารถทำตามข้อตกลงได้
  • ต้นทุนและค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม : L&I ETFs มีการทำธุรกรรมผ่าน Derivatives และต้อง Daily Balance ซึ่งอาจส่งผล ให้ค่าธรรมเนียมสูงกว่า ETF ทั่วไป

เริ่มต้นซื้อขาย L&I ETFs กับ Finansia อย่างไร?

นักลงทุนสามารถยืนยันรับทราบความเสี่ยงเพื่อซื้อขาย L&I ETFs ผ่านหลายช่องทาง ดังนี้

1.1
แอป Finansia  HERO
1.2
ระบบ iFIS
1.3
ระบบ Settrade
1.4
ผู้แนะนำการลงทุนของท่าน

เริ่มต้นซื้อขาย L&I ETFs ได้

  • สำหรับ L&I ETFs ที่จดทะเบียนในตลาดไทย สามารถเริ่มต้นลงทุนได้ตั้งแต่ 26 กันยายน 2568
  • สำหรับ L&I ETFs ที่จดทะเบียนในตลาดไทย หลังจากที่ท่านยืนยันรับทราบความเสี่ยงในข้อที่ 1 เสร็จ สามารถลงทุนได้ภายใน 2 วันทำการ

คำเตือน

L&I ETFs ออกแบบเพื่อการลงทุนระยะสั้น มุ่งสร้างผลตอบแทนเป็นสัดส่วนกับดัชนีอ้างอิงเป็นรายวัน (Daily reset) และคำนวณผลตอบแทนแบบทบต้น (Compounding Effect) ซึ่งทำให้การถือครองเกินกว่า 1 วัน อาจให้ผลตอบแทนเบี่ยงเบนจากสัดส่วนการเปลี่ยนแปลงของดัชนี ที่มุ่งหวัง โดยเฉพาะในภาวะที่ตลาดผันผวน  นอกจากนี้การจัดการกองทุนมีค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง จึงอาจทำให้ผลตอบแทนของกองทุนแตกต่างจากการเปลี่ยนแปลงของดัชนี

ผลิตภัณฑ์นี้ไม่เหมาะกับผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนในระยะยาว (buy & hold) หรือไม่สามารถติดตามการลงทุนได้อย่างสม่ำเสมอ ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

ท่านสามารถศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ L&I ETFs เพิ่มเติมได้โดย คลิกที่นี่