ปี 2562 นับเป็นปีแห่งความผันผวนอีกปีหนึ่งสําหรับตลาดทุนและโดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจนายหน้าค้าหลักทรัพย์
สงครามการค้าและค่าเงินบาทที่แข็งค่าทำให้นักลงทุนหันเหออกจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย("ตลาดหลักทรัพย์ฯ")
ในปีที่ผ่านมานักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิในตลาดหุ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 เป็นจำนวนเงินสูงถึง 44.79 พันล้านบาท
ในขณะที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ สิ้นปีปรับตัวเพิ่มขึ้น 1%
แต่ระหว่างปีมีความผันผวนสูงจากผลกระทบทั้งปัจจัยภายในและภายนอกประเทศแม้ว่ามูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันลดลงเพียง
8% จากปีก่อนหน้า
แต่ตัวเลขดังกล่าวถูกบิดเบือนโดยข้อเท็จจริงที่ว่าสัดส่วนการซื้อขายของนักลงทุนรายบุคคลลดลงต่ำที่สุดเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ
34% ต่ำกว่านักลงทุนต่างประเทศเป็นครั้งแรกการเพิ่มขึ้นของการลงทุนจากต่างประเทศดังกล่าวเป็นผลมาจาก High
Frequency Trading หรือ Program Trading จากนักลงทุนต่างประเทศเข้ามาตลาดหลักทรัพย์ฯ
จากเหตุที่ได้กล่าวมาข้างต้นดังกล่าวทำให้รายได้จากค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย
ไซรัส จำกัด (มหาชน) ("บริษัทฯ") ลดลงจาก 1,050 ล้านบาทในปี 2561 เหลือ 914 ล้านบาทในปี 2562
คิดเป็นอัตราการลดลง 13% บริษัทฯ ไม่สามารถชดเชยการลดลงดังกล่าวด้วยรายได้ที่ไม่ใช่ค่านายหน้า
เนื่องจากสภาวะตลาดที่ตกต่ำได้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจวาณิชธนกิจและธุรกิจอนุพันธ์
ทำให้รายได้จากธุรกิจดังกล่าวลดลง 24% และ 45% ตามลำดับ
ภายใต้บรรยากาศที่เป็นลบดังกล่าว บริษัทฯ ยังคงเดินหน้ากับแผนการปฏิรูป
โดยได้ลงทุนอย่างต่อเนื่องในการพัฒนาและส่งเสริม HERO ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันซื้อขายออนไลน์ใหม่ของบริษัทฯ
ในครึ่งปีแรกบริษัทฯ ได้ทุ่มเทความพยายามไปกับการปรับปรุงส่วนต่อประสานกับผู้ใช้ (User Interface)
และการแก้ไขปัญหาทางเทคนิค ซึ่งมากับแพลตฟอร์มใหม่ๆ ในครึ่งปีหลังบริษัทฯ
เดินหน้าออกแผนการตลาดและขยายฐานจำนวนผู้ใช้ให้ขึ้นไปสูงกว่า 6,500 ราย ภายในสิ้นปี
ในขณะเดียวกันบริษัทฯ ยังมีความพยายามลดการพึ่งพาตลาดรายย่อยโดยได้เริ่มติดต่อ High-Frequency Traders
ให้ส่งการซื้อขายผ่านบริษัทฯ เป็นผลให้ส่วนแบ่งการตลาดการซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทฯ
เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจาก 4% (อันดับ 9) ในปี 2561 เป็น 6.15% (อันดับ 2) ในปี 2562
ในภาพรวม การลงทุนในเทคโนโลยีใหม่
ประกอบกับต้นทุนในการปรับปรุงการดำเนินงานให้มีความคล่องตัวในสภาวะตลาดที่อ่อนแออย่างยิ่งทำให้บริษัทฯ
ประสบผลขาดทุนตลอดทั้งปี
อย่างไรก็ดีคณะกรรมการบริษัทฯ
และฝ่ายบริหารยังคงเชื่อว่ามาตรการที่ได้ลงทุนลงแรงไปในช่วงปีที่ผ่านมาจะให้ผลลัพธ์ที่ดีและทำให้บริษัทฯ
มีความพร้อมมากยิ่งขึ้นเมื่อประสบกับความผันผวนของตลาดในอนาคต ท้ายที่สุดนี้คณะกรรมการบริษัทฯ
และฝ่ายบริหารขอขอบคุณผู้ถือหุ้นทุกท่านที่ได้ให้การสนับสนุนมาตลอดในช่วงเวลาอันยากลำบากนี้